แคลเซียม ภาษาอังกฤษ: ความสำคัญและประโยชน์ที่คุณต้องรู้

แคลเซียม ภาษาอังกฤษ: ทุกสิ่งที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับแคลเซียม

แนะนำเกี่ยวกับแคลเซียม

แคลเซียมเป็นธาตุเคมีที่สำคัญมากสำหรับร่างกายของเรา มีบทบาทสำคัญในการรักษาความแข็งแรงของกระดูกและฟัน นอกจากนี้แคลเซียมยังมีหน้าที่สำคัญในการรักษาปริมาณน้ำในร่างกาย รวมทั้งการเป็นส่วนหนึ่งของการส่งผลสำคัญในการทำงานของระบบประสาท และการลำเลียงสารอาหารในเลือด

สารประกอบและคุณสมบัติของแคลเซียม

แคลเซียมเป็นโลหะที่มีสัญญาณ Ca และมีเลขอะตอม 20 ในตารางธาตุ เป็นธาตุที่อยู่ในกลุ่มของอีกหลายธาตุที่มีบทบาทสำคัญในร่างกายของมนุษย์ แคลเซียมมีสีเงินขาวและมีลักษณะเป็นโลหะที่แข็งแรง

คุณสมบัติของแคลเซียมทำให้มันมีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย ไม่เพียงแค่การรักษาความแข็งแรงของกระดูกและฟัน แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ การลำเลียงสารอาหาร และการควบคุมการหดตัวของหลอดเลือด

ประโยชน์ของแคลเซียมต่อร่างกาย

การบริโภคแคลเซียมในปริมาณที่เพียงพอมีประโยชน์มากมายต่อร่างกาย เรามีการแจ้งเตือนประโยชน์หลายประการ ได้แก่

1. สุขภาพของกระดูกและฟัน: แคลเซียมเป็นส่วนสำคัญของกระดูกและฟัน ช่วยให้รักษาความแข็งแรงและความแข็งแกร่งของพวกเขา
2. การลำเลียงสารอาหาร: แคลเซียมมีบทบาทสำคัญในการลำเลียงสารอาหารในร่างกาย ช่วยให้ระบบทางเดินอาหารทำงานได้ถูกต้อง
3. การควบคุมการหดตัวของหลอดเลือด: แคลเซียมช่วยในการควบคุมการหดตัวของหลอดเลือด ซึ่งมีผลทำให้ความดันเลือดคงที่
4. การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ: มีบทบาทสำคัญในการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ ทำให้ร่างกายมีความยืดหยุ่นและกำลังทำงาน

จำเป็นต้องการแคลเซียมเท่าไรในแต่ละวัน

ปริมาณแคลเซียมที่คุณต้องการในแต่ละวันขึ้นอยู่กับกลุ่มคนและช่วงอายุ ต่อไปนี้คือคำแนะนำสำหรับปริมาณแคลเซียมที่ควรบริโภค

• เด็กๆ อายุ 1-3 ปี: 500 มิลลิกรัมต่อวัน
• เด็กๆ อายุ 4-8 ปี: 800 มิลลิกรัมต่อวัน
• เด็กๆ และวัยรุ่น อายุ 9-18 ปี: 1300 มิลลิกรัมต่อวัน
• ผู้หญิงทุกวัย: 1000 มิลลิกรัมต่อวัน
• ผู้ชายทุกวัย: 1000 มิลลิกรัมต่อวัน
• หญิงตั้งครรภ์และผู้หญิงที่ให้นมบุตร: 1000-1300 มิลลิกรัมต่อวัน
• ผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้นไป): 1300 มิลลิกรัมต่อวัน

ควรร่วมกับอาหารหลัก และหากไม่สามารถได้รับจากอาหารให้เพิ่มการบริโภคผลิตภัณฑ์เสริมแคลเซียมตามคำแนะนำของแพทย์

อาหารที่มีแคลเซียมมาก

มีหลายอาหารที่เป็นแหล่งแคลเซียมที่ดี ทำให้สามารถรับประทานได้ผ่านอาหารที่หลากหลาย ได้แก่

1. นมและผลิตภัณฑ์นม: นมเป็นแหล่งแคลเซียมที่ดีที่สุด ส่วนผลิตภัณฑ์นมเช่นเนยและเนยเป็นตัวเลือกที่ดีในกรณีที่คุณไม่สามารถรับประทานนมได้
2. ผักเขียวหลายชนิด: บาบราโบก็เป็นที่มาของแคลเซียมที่ดี นอกจากนี้ ผักเขียวเข้มๆ เช่น คะน้า คือแหล่งที่มาของแคลเซียมที่ดี
3. ปลา: ปลาเป็นแหล่งแคลเซียมที่ดี โดยเฉพาะปลาที่รวยไขมัน เช่น ปลาแซลมอน
4. ถั่วและเมล็ดพืช: ถั่วเหลือง ถั่วดำ และเมล็ดพืชต่างๆ เช่น เมล็ดแฟลกซ์ ก็เป็นที่มาของแคลเซียม
5. ผลไม้: ผลไม้บางชนิดเช่น มะม่วง มะเขือเทศ และส้ม มีปริมาณแคลเซียมที่มีประโยชน์

ภาวะขาดแคลเซียมและผลกระทบต่อสุขภาพ

การขาดแคลเซียมสามารถทำให้เกิดปัญหาสุขภาพหลายประการ ได้แก่

1. โรคกระดูกและฟัน: การขาดแคลเซียมสามารถทำให้กระดูกและฟันอ่อนแอ และเสียดายได้ง่าย
2. มีความเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกหักหรือฟันหลุดได้มากขึ้น
3. โรคกระดูกสูง: ความขาดแคลเซียมอาจทำให้เกิดโรคกระดูกสูง
4. กล้ามเนื้ออ่อนแรง: การขาดแคลเซียมสามารถทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงและทำงานไม่ได้ปกติ
5. โรคหัวใจ: ภาวะขาดแคลเซียมอาจเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ

วิธีการบริโภคแคลเ